วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข้อมูลผู้จัดทำ

                                                                                                

                                                                                                  จัดทำโดย ......

นางสาว นันท์นภัส ไชยมัตสยาอานนท์ 
รหัสนักศึกษา 581700104  sec. AC 
วิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ   
มหาลัยราชภัฎเชียงราย


หมู่บ้านสามหมื่น



หมู่บ้านสามหมื่น 








อาหาร


อาหารของ ลีซู


อาหารของชาวเขาเผ่าลีซู ส่วนใหญ่ทำจาก หมู ซึ่งจะเลี้ยงไว้เองตามบ้าน ผักจากป่าและปลูกเองตามบ้าน  อาหารที่มีรดเผ็ดจัด 








เครื่องดนตรี


เครื่องดนตรีของแต่ละชนเผ่า คือ สิ่งที่บ่งบอกถึงความสวยงามและความหลากหลายทางภูมิปัญญาความคิด ภูมิปัญญาของชาวบ้านที่เกิดขึ้นมา เพื่อใช้ในการสื่อทางอารมณ์ แทนการบอกเล่ากันทางปากต่อปาก เสียงไพเราะ เพาะพริ้งของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดยามตะวันแลง จะยังคงอยู่และสืบเนื่องต่อไป หากได้รับการปลูกฝัง และการเอาใจใส่ของกลุ่มคนที่ได้ชื่อว่าชนรุ่นใหม่ เครื่องดนตรีที่นิยมกันมากของชนเผ่าลีซู คือ พิณ 3 สาย เรียกว่า ซึง (ซือ บือ) และ แคน (ฝู่หลู่)
แคนน้ำเต้า ฟู่วหลูว
เป็นเครื่องดนตรีประเภทเป่า และนิยมเล่นกันของผู้ชายลีซู มี 3 ชนิด คือ แคนชนิดสั้น ชนิดธรรมดา และชนิดยาว ทำด้วยน้ำเต้าและปล้องไผ่เล็กๆ ที่คัดเป็นพิเศษ ปัจจุบันช่างทำฝู่หลู่ได้หายากเข้าทุกที การจะเป็นเจ้าของฝู่หลู่ได้จึงต้องเดินทางไปถึงหมู่บ้านที่มีช่างทำอยู่ และสั่งจองล่วงหน้า คนที่สามารถเป่าฝู่หลู่ได้ในแต่ละหมู่บ้านจึงมีไม่มากเพียงหมู่บ้านละ 3-4 คนเท่านั้น เพราะการหาซื้อฝู่หลู่ทำได้ยาก และการฝึกเป่าฝู่หลู่ก็ยากกว่า ด้วยการเล่นดนตรีถือเป็นเรื่องของผู้ชาย ไม่ถือเป็นบทบาทของผู้หญิง หนุ่มลีซูจะเล่นในเวลาที่ว่างหรือช่วงประเพณีต่างๆ โดยใช้บริเวณลานวัฒนธรรมชุมชน เป็นสถานที่เล่น หรือเล่นระหว่างทางไปท่องเที่ยวต่างหมู่บ้าน เพื่อส่งเสียงให้ผู้คนได้ยิน และก็จะใช้เครื่องดนตรีเป็นสื่อเพื่อแสดงความคิดถึงต่อกัน จนทำให้เครื่องดนตรีเป็นที่นิยม และสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้
ซึงชือบือ

เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด หนุ่มลีซูมักจะฝึกดนตรีตั้งแต่อายุได้ 12-13 ปี ส่วนใหญ่พ่อจะทำซึงให้ลูกชายได้ใช้ฝึกซ้อม ตัวซึงมีคันยาว ทำด้วยไม้และหนังตะกวด (คนเมืองเรียกว่า แลน”) เวลาที่งานไม่ชุกนัก หนุ่มลีซูจะเอาไปฝึกดีดในไร่ด้วย การดีดซึงก็มีจังหวะสนุกสนาน เร้าใจ การเดินทางไปเที่ยวต่างหมู่บ้านหนุ่มลีซูจะพกเครื่องดนตรีติดตัวไปด้วย   





https://www.youtube.com/watch?v=6wxMtRyUgwU


การแต่งกาย


เทศกาลปีใหม่เป็นยามที่ดรุณีลีซูทั้งหลายแต่งกายกันอย่างเต็มที่ เครื่องประดับเงินจะทับโถมอยู่เต็มทรวงเจ้าหล่อน จะสวมเสื้อกั๊กกำมะหยี่ดำ ซึ่งปักปรายไปด้วยดุมเงิน เป็นสายและดอกดวง ทั้งด้านหน้าและหลังยืดอกปิดด้วยหัวเข็มขัดเงินแผ่นสีเหลี่ยม เรียงลงมาเป็นแถวรอบคอ รัดด้วยแถบผ้าติดสร้อยระย้า ซึ่งแผ่สยายอยู่เต็มอก ส่วนติ่งหูเจาะรูสองข้างเกี่ยวตะขอห้อยตุ้มระย้าซึ่งติดพู่ไหมพรมเพิ่มสีสันเข้าไปด้วย แถมสร้อยเงินหลายสายที่โยงผ่านใต้คางจากตุ้มซ้ายไปสู่ตุ้มขวา ส่วนข้อมือทั้งสสวมกำไลแผ่นกว้าง แต่งด้วยอัญมณี แม้นิ้วก็สวมแหวนเงินไว้
ลักษณะการแต่งกายของผู้ชาย

ชุดของผู้ชาย ประกอบด้วยกางเกงเป้าต่ำสีฟ้าหรือสีอะไรก็ได้ สวมเสื้อแขนยาว จะติดด้วยกำมะหยี่ ซับในขวามักแต่งด้วยดุมเงินยิ่งมากยิ่งดี เอวคาดด้วยผ้าแดง และในย่ามก็ห้อยพู่หางม้ายาวคล้ายของผู้หญิง แต่ว่าหนุ่มนั้นห้อยไว้ข้างหน้า เดิมทีผู้ชายจะสวมผ้าโพกศีรษะทำด้วยผ้าไหมสีแดง ฟ้า เหลือง และดำ แต่ปัจจุบันหายากแล้ว เห็นใช้กันแต่ผ้าขนหนูขาว สอดกระดาษแข็งให้ตั้งขึ้นราว 20 ซม. พันรอบศีรษะง่ายๆ และห้อยตุ้มหูเงินข้างเดียวจากรูที่เจาะไว้ที่ติ่งหูซ้าย สวมกำไลก้านเงินเรียบๆ ที่ข้อมือข้างละวง ย่ามใช้งานของลีซูทอด้วยด้ายขาวหรือด้ายดิบโดยใช้ที่ผูกข้อมือ เป็นผ้าพื้นขาวยกลายทางสีแดง หรือสีอื่นๆ นอกจากสะพายบ่าเหมือนเผ่าอื่น ยังมีการติดสายหวายถัก ซึ่งใช้คาดศัรษะให้ตัวย่าม ห้วอยู่บนบ่าอีกด้วย ย่ามไปงานทอด้วยเส้นด้าย มีการทิ้งครุยกรายด้านข้าง แล้วยังมีหู คือ ชิ้นผ้าสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มุมทั้งสองของย่าม ลายปักงดงามแปลกตาที่หู ไม่มีซ้ำกัน เพราะถือว่าเป็นลายเซ็นของคนทำ บางคนก็จะติดกระดุมเงินเม็ดน้อยไว้ที่มุมหู ปากย่ามกุ๊น และปะแต่งด้วยแถบผ้าหลากสี และยังทิ้งแถบผ้าสีแดง และสีฟ้าเข้มห้อยจากหูลงไปด้วย ย่ามที่งดงามที่สุดไม่ว่าจะเป็นของลีซู หรือเผ่าอื่นใดคือ ย่ามเกี้ยวสาวของหนุ่มวัยกำดัดนั้นทำเหมือนย่ามที่กล่าวมาแล้ว แต่แผ่นหน้าปักลูกปัดเป็นเม็ดเล็กๆ หลายสีไว้เต็มพืดเป็นลายละเอียดแถบผ้าที่ห้อยจากหูนั้นยาวร่วม 20 ซม. ปักประดับด้วยด้ายสีสดหลายสีไม่มีว่างเว้นกัน ย่ามห้อยครุยไหมพรมหลากสียาวเทาแถบผ้าจากหู และปกย่ามติดกระดุมตุ้มระย้าเงินตลอดแนว
ลักษณะการแต่งกายของผู้หญิง

ผู้หญิงลีซอทุกวัยแต่งกายด้วยผ้าสีสดใส สวมใส่เป็นเสื้อตัวหลวม แขนกระบอก ส่วนหน้าของเสื้อยาวถึงเข่า นิยมสีน้ำเงิน เขียว ฟ้า และม่วง คอเป็นผ้าสีดำ ตกแต่งลวดลายสวยงาม โดยนำผ้าแถบผ้าสีต่างๆ เช่น ม่วง ฟ้า ชมพู เขียว ดำ ขาว ส้ม แดง มาเย็บต่อกันเป็นริ้ว สวมเสื้อกั๊กที่ตกแต่งด้วยกระดุมเงิน สวมกางเกงหลวมๆ สีดำ ในตัวเสื้อ ใช้ผ้าสีดำพันรอบเอว คล้ายเข็มขัด สวมปลอกขาเพื่อป้องกันแมลง กิ่งไม้ หรือกันหนาว ผู้หญิงสูงวัยโพกหัวด้วยผ้าสีดำยาวพันหัวหลายๆ รอบแล้วเก็บชาย หญิงสาวจะสวมหมวกโดยประดับประดาด้วยลูกปัดหลากสี ส่วนผู้ชายลีซอ ทุกวัยแต่งกายเหมือนกัน โดยสวมใส่กางเกงที่มีความยาวเลยเข่าเล็กน้อย เป้ากว้างมาก สีน้ำเงิน สีเขียว ฟ้า เสื้อสีดำ แขนยาว คอป้ายตกแต่งกระดุมเงิน ติดรังดุมสีน้ำเงินที่ส่วนบนของตัวเสื้อ สวมปลอกขาสีดำ
เครื่องแต่งกายของสตรีลีซู เป็นประจักษ์พยานอันชัดถึงการแข่งขันกันเป็นหนึ่งอย่างไม่ยอมน้อยหน้าใครเห็นได้ตั้งแต่ส่วนบ่า และตันแขนของเสื้อซึ่งใช้แถบผ้าเล็กๆ ซ้อนทับสลับสีไล่กันไปรอบๆ คอ และไส้ไก่ปลายเป็นปุยมากมายที่ห้อยสยายลงมาจากปลายผ้ารัดทางด้านหลัง ทั้งเครื่องประดับเงิน และมีแต่งทับสลับช้อนเป็นแผงเต็มอกไม่มีที่ว่าง การแต่งกายของสตรีลีซูเปลี่ยนแปลงไปจากดั้งเดิมมาก ซึ่งจะเห็นได้ชัดในบริเวณช่วงไหล เนื่องจากสมัยก่อนใช้การเย็บด้วยมือ แต่สมัยนี้เย็บด้วยจักร การเย็บจะปราณีตกว่า สวยกว่า แต่เล็กกว่าแบบดั้งเดิม เดิมที่ลีซูทำเสื้อผ้าฝ้ายใยกัญชา แต่ทุกวันนี้หญิงลีซูแถบเหนือจะใช้ผ้าฝ้าย ส่วนพม่าในจีนก็ยังคงนุ่งกระโปรง ผ้าใยกัญชาจีบสลับซับซ้อน ลีซูในพม่าการแต่งกายจะแตกต่างกัน และหลายแบบ ซึ่งไม่เหมือนกันชนเผ่าลีซูในเมืองไทย หญิงลีซูในเมืองไทยหันมาใช้ผ้าฝ้าย หรือผ้าใยสังเคราะห์ซึ่งมีขายทั่วไปในท้องตลาด ตัวเสื้อทรงตรงหลวมยาวผ่าข้างทั้งสองขึ้นมาถึงเอว ด้านหน้าคลุมเข่า ด้านหลังห้อยลงไปคลุมน่อง คอกลมติดสาบเฉียงแบบจีนจากกลางคอลงไปถึงแขนขวา ผ้าชิ้นอกของเสื้อมักต่างกันส่วนอื่นๆ ตัวเสื้อมักเป็นสีฟ้าอมเขียวหรือสีอื่นๆ











ประเพณีปีใหม่ (โข่เซยี่ย)


ประเพณีปีใหม่ (โข่เซยี่ย)


จัดขึ้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของเดือนลีซู ซึ่งลีซูเรียกเดือนนี้ว่า โข่เซยี่ยอาบาเป็นวันที่มีความสำคัญมากสำหรับชาวลีซู เพราะเชื่อว่าเป็นวันที่เริ่มต้นสำหรับชีวิต และสิ่งใหม่ ให้สิ่งเก่าๆ ที่ไม่ดีหมดไปพร้อมกับปีเก่า จึงต้องมีการเฉลิมฉลองด้วยการทำพิธีกรรม และจัดงานรื่นเริง เช่น การทำบุญศาลเจ้า และเทพเจ้าต่างๆ ของชาวลีซู การขอศีลพรจากเทพเจ้าและผู้อาวุโส การร้องเพลง การเล่นดนตรี และการเต้นรำ เป็นต้น ก่อนวันปีใหม่ 1 วัน หรือวันสุดท้ายของเดือน หลายี” (เดือน 12) จะมีการตำข้าวปุ๊ก หรือเรียกว่า ป่าปาเตี๊ยะ






ประวัติและที่ตั้ง


ประวัติและที่ตั้ง 


หมูบ้านดอยสามหมื่น มีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของอำเภอเชียงดาว และอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน สำนักงานตั้งอยู่ในบริเวณหมู่ 6 ตำบลเมืองคอง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 19o 20/ – 19o 32/ N เส้นแวงที่ 98o 35/ – 98o 40/ E พิกัด MB 575464
สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เฉลี่ย 1,400 เมตร เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลุ่มน้ำปิง และลุ่มน้ำสาละวิน การเดินทางไปยังหน่วยจัดการต้นน้ำดอยสามหมื่น จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 (เชียงใหม่-ฝาง) เลี้ยวซ้ายระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 35-36 (ตลาดแม่มาลัย) เข้าสู่ถนนแม่มาลัย-ปาย ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนน ร.พ.ช.ผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้ายสู่ถนนดิน ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการหน่วยจัดการต้นน้ำดอยสามหมื่น  






https://www.google.co.th/search?q=บ้านสามหมื่น+เวียงแหง&espv